วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

พัทยา

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2552
จากสีชังพอมาขึ้นเรือที่ศรีราชาแล้วก็ไปที่พัทยา
เพราะมีโปรแกรมที่วางไว้ นั่นคือการไปโดดบันจี้จัมพ์
แต่กว่าจะหาร้านเจอ ก็ขับวนหาอยู่สองรอบ

ที่ความสูง 60 เมตร ... สูงเท่าตึกกี่ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน

หลังจากชั่งน้ำหนักตัวแล้ว เค้าก็เอาเครื่องพันทนาการมาพันขาอย่างที่เห็น
แล้วก็นั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเครนสูง
บ่อน้ำที่เห็นนี่แหละคือ จุดที่จะกระโดดลงมา แต่โดดลงมาแล้วก็ไม่ถึงน้ำหรอกนะ



ไม่มีภาพตอนกระโดด มีแต่อัดวีดีโอไว้น่ะ
หลังจากกระโดดเสร็จ ก็ได้ใบรับรอง(ความบ้า) มาเป็นหลักฐาน 1 ใบ



จากโดดบันจี้ ก็มาต่อกันที่หาดจอมเทียน
เพราะมีคนจะเล่นเจทสกี
และแล้ว......เครื่องเล่นที่อยากเล่นอีกอย่างก็มาเกยอยู่ตรงหน้าซะอย่างนั้น
จากทีแรกเห็นคนอื่นเค้าเล่นกันอยู่ไกลโพ้น ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เล่นแล้วหล่ะ
แต่แล้วมันก็มา landing อยู่ตรงหน้า ก็เลยต้องเดินเข้าไปถามไถ่ราคา
และสุดท้ายก็........ เอาซะหน่อย จะได้หายคาใจ
เล่นง่ายมาก แค่เค้าเอาร่มมาผูกติดกะเรา แล้วสปีดโบทก็ขับออกไป
เราก็จะค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างที่เห็น
ซึ่ง ก็ไม่ต้องใช้พละกำลังในการเกาะ หรือจับเชือกแต่อย่างใด
เพราะอุปกรณ์ที่ห้อยเราไว้กะร่ม มันเกาะเกี่ยว และพยุงตัวเราอย่างแน่นหนา
เราสามารถปลอ่ยมือ และลอยอยู่เฉยๆ ได้อย่างสบาย กินลม ชมวิว จากมุมสูง
สนุกมากๆ



วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

ตลาดสดศรีราชา

ตอนไปแวะเดินเล่นตลาดสดศรีราชา
ก็ไปเจอพ่อค้ากำลังชำแหละ เจ้ากระเบนตัวใหญ่
เกิดมาเพิ่งเคยเห็นกระเบนสดๆ แล้วยิ่งตัวบะเต้งขนาดนี้
ก็เลยตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่คุณพ่อค้าเค้าทำการแล่หนังตรงกลาง ก็เพราะเจ้าหนังนี่แหละที่เอาไปทำเป็นกระเป๋าหนังปลากระเบน
ก็เลยเพิ่งระลึกได้ว่า จิอันก็ซื้อกระเป๋าหนังปลากระเบนกลับไป 1 ใบ
ที่แท้ ก็มาจากหนังปลากระเบนจริงๆด้วย


แบบตัวเล็กๆ เค้าก็มีขายเหมือนกัน วางอยู่ในถาด
ถ้าไม่เจอพี่เบิ้มตัวที่เค้ากำลังชำแหละ ก็คงจะตื่นตากะเจ้าตัวน้อยๆ พวกนี้อยู่หรอก
แต่พอเห็นพี่เบิ้มแล้ว เจ้าตัวน้อยๆ เหล่านี้เลยดูไม่สะดุดตาเท่าไหร่

สีชัง ตอนจบ

เก็บตกภาพวิว และบรรยากาศอื่นๆ บนเกาะ
อันนี้วิวจากด้านบนเขา ที่เห็นหาดขาวๆ ก็คือ หาดถ้ำพังนั่นเอง


นี่ก็อีกวิวริมเขา

ได้ลองขับเจ้าMio น้อยด้วย รถไม่มีเกียร์ ขับง่ายดี
(แต่ไม่ได้ลองขับแบบไม่มีคนซ้อนท้ายนะ .....กลัวจะล้ม)


อันนี้วิวมุมสูง

ตอนค่ำวันเสาร์ ขับผ่านไปเจอพี่ๆ เค้าตกหมึกกัน เลยเข้าไปดูๆ
แล้วเค้าก็กำลังตกได้น้องหมึกพอดี พี่เค้าบอกว่าเพิ่งจะได้ตัวแรกอ่ะ
(ไม่ต้องใช้เหยื่อในการตกเลยนะ แค่เอาเบ็ดกะเส้นเอ็น และหย่อนไว้
เดี๋ยวน้องหมึกก็เอาหนวดมาติดซะงั้น...... ง่ายแต่ต้องอาศัยความอดทน "รอ" )

ชาวบ้านทำการตากปลาหมึก

ริมสะพานปลาต่างๆ ก็จะเห็นชาวบ้านขมักเขม้น จัดการกะเจ้าปลาหมึก
ซึ่งคงจะตกได้เมื่อคืนจนถึงเช้าน่ะ


ดอกไม้นี้คงจะเป็นสัญลักษณ์ของเกาะสีชังแน่เลย เพราะปลูกกันทั้งเกาะเลย

สีชัง ตอนที่ 8

มาเก็บตกเช้าก่อนกลับ ที่ สะพานวชิราวุธ (ช่องเขาขาด) อีกสักหน่อย
บันไดทางขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน

เมื่อมองจากด้านบนจะเห็นทะเลทั้งสองฝั่งของเกาะสีชัง

และก็ภาพมุมสูงของสะพานฯ ซึ่งกำลังมีการปรับปรุง ซ่อมบำรุง


สีชัง ตอนที่ 7

เช้านี้ออกไปสำรวจรอบเกาะยามเช้า และแวะไปเก็บตกถ่ายภาพ
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ซึ่งอยู่บนเขา มองเห็นได้แต่ไกล


บันไดทางขึ้นไปยังศาลก็มีลายตัวมังกรไปตลอดระยะทางเดินขึ้น
เพื่อความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ที่นี่ก็มีรถรางสำหรับขึ้นไปยังด้านบนด้วย



สีชัง ตอนที่ 6

บังเอิญว่า เสาร์อาทิตย์นี้ มีงานประจำปีของเกาะสีชัง
ซึ่งปีนี้ครบรอบ 100 ปีซะด้วย
ดังนั้น พอค่ำลง เราก็เลยมีโปรแกรมให้ไปเที่ยวชมเพิ่มมาอีก
งานมีขึ้นในเขตของ จุฑาธุชราชฐาน นั่นเอง....
สะพานขาวที่เห็นเมื่อกลางวัน ก็ถูกประดับตกแต่งด้วยไฟอย่างที่เห็น
คนมาเที่ยวชมงานไม่เยอะมากนัก และมีบางคน ก็แต่งตัวแบบโบราณ
คิดว่า อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการแสดง






งานแสดงโชว์มีมากมายหลายชุด
นั่งดูแค่ประมาณครึ่งชม. ก็มีให้เห็น 3 ชุดการแสดงเข้าไปแล้ว


ไม่อยู่ดูจนงานเลิกหรอก เพราะเริ่มง่วงแล้ว ก็เลยกลับที่พักดีกว่า
และงานย้อนยุคอย่างนี้ ที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องนี่เลย สายไหม...... เล็งไว้ตั้งแต่ก่อนเข้างานแล้ว
ออกมาลูกค้าก็ยังไม่ขาดสายเหมือนเดิมแต่คนเริ่มน้อยลง ก็เลยยืนรอแค่คิวเดียว ก็ได้กินสายไหมแล้ว


สีชัง ตอนที่ 5

โปรแกรมการเที่ยวรอบเกาะ ก็เลยต้องเปลี่ยนแปลงเพราะไปเสียเวลาคายัค + ว่ายน้ำเล่นซะจนเย็น
แต่ก็ยังมายังจุดชมพระอาทิตย์ตกน้ำได้ทันเวลา
แต่วันนี้เมฆเยอะ ก็เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำ
จุดที่มาคือ ช่องเขาขาด



สะพานวชิราวุธ คือ สะพานขาวที่เป็นขั้นบันได ริมเขา ซึ่งตอนนี้มีการปรับปรุงสะพาน
ก็เลยทำให้บดบังทัศนียภาพบนสะพาน









ที่เห็นศาลาด้านบน ยังไม่ได้เดินขึ้นไป เพราะเย็นมากแล้วเลยไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ดีกว่า

สีชัง ตอนที่ 4

จุดเที่ยวต่อไปคือ หาดถ้ำพัง
เป็นหาดเดียวบนเกาะนี้ ซึ่งเป็นหาดที่ค่อนข้างเล็ก
ภาพถ่ายจากบนเขา จะมองเห็นหาดอยู่ไกลลิบๆ


ทรายบนหาด เป็นทรายสีน้ำตาล แต่มีบางช่วงของหาดก็เป็นหิน



หน้าหาดทั้งหมด มีเท่าที่เห็น แต่แม้หาดจะเล็ก แต่คนไม่พลุกผล่าน ก็เลยดูสงบ และน่านั่งเล่น
ก็เลยนั่งพัก หลบแดด ตาก ลม ชมทะเลกันที่นี่ซะเลย บริเวณหาดก็มี ร่มและเตียงผ้าใบ เหมือนหาดทั่วๆไป


น้ำทะเลใสน่าเล่นดีเหมือนกัน มีเด็กๆ เช่าห่วงยางสีสดใส ลงเล่นน้ำอยู่บ้างนิดหน่อย

และก็เลยกินมื้อเที่ยงที่หาดนี้เลย
ที่หาดนี้มีร้านให้เช่าอุปกรณ์ กิจกรรมทางน้ำอยู่ด้วย ซึ่งตอนมาถึง ก็ไม่ได้สนใจ และไม่คิดว่าจะทำกิจกรรมทางน้ำแต่อย่างใด แต่พอท้องอิ่มและนั่งย่อยไปสักพัก ประกอบกับ ทะเลดูเงียบสงบดีจัง
ก็เกิดอาการอยากพายคายักขึ้นมาอย่างแรง แต่ไม่ได้เอาชุดสำหรับลงน้ำมาด้วย


แต่คนใจดีก็อาสาแว้นท์ Mio กลับไปเอามาให้ ส่วนฉันก็นั่งเฝ้าโต๊ะไว้
แล้วก็ได้พายเรือสมใจ
น้ำที่นี่นิ่งมากๆ สามารถพายออกไปไกลๆ ได้สบายมาก
จากที่จะเช่าแค่ครึ่งชม. ก็เลยกลายเป็น 1 ชม.
แต่ก็ไม่เหนื่อย เพราะมีคนช่วยพายตลอด
ตอนก่อนคืนเรือ เลยต้องขอพายคนเดียวมั่ง
น้ำนิ่งอย่างนี้พายคนเดียว ก็ยังไปได้สบาย