วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เหมืองสมศักดิ์&ป้าเกล็น - ปิล๊อก - จ๊อกกระดิ่น - สังขละ


เป็นอีกทริปที่ไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้าสักเท่าไหร่.... 
กับจุดหมายในใจคือ เหมืองสมศักดิ์ ที่หมู่บ้านปิล๊อก 

จุดแรกที่เราแวะเที่ยวชม ก็คือ ต้นน้ำ...น้ำตกไทรโยค ... 
คงจะเพราะฤดูนี้เป็นฤดูแล้ง  ต้นน้ำที่ได้เห็นจึงเป็นเพียง  จุดที่น้ำไหลอ้อยอิ่งออกมาจากแนวหิน...
และไหลไปรวมกับลำธารเล็กๆ ซึ่งจะไหลลงสู่ด้านล่าง อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกไทรโยค ... 
แต่ลำธารเล็กๆที่ได้เห็นนี้ ก็มีใสจนมองเห็นฝูงปลาตัวน้อยๆ ที่แหวกว่ายกันอยู่
บรรยากาศบริเวณรอบๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ (บางต้นก็ใหญ่มากๆๆๆ  เลยเชียวแหละ)







เราออกเดินทางกันต่อ   และก็แวะเข้าไปชมวิวสันเขื่อนเขาแหลม .....
ณ สันเขื่อนแห่งนี้  ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่สามแล้วที่ได้มาเยี่ยมเยือน  บรรยากาศต่างๆ ก็ยังคงเหมือนทุกๆครั้งที่ได้มา  .....  อาจจะต่างไปเล็กน้อยก็ตรงที่ ครั้งนี้ ไม่ได้เจอะเจอลิงเจ้าถิ่น เลยสักตัว
คงเป็นเพราะอากาศร้อนแล้ง ทำให้ลิงเองก็อยากจะออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอันน้อยนิดสักเท่าไหร่นัก








และเราก็มุ่งหน้าต่อ เพื่อไปยังเหมืองสมศักดิ์... อันเป็นจุดหมายหลักใหญ่ใจความสำคัญของทริปนี้
เส้นทางสู่เหมืองสมศักดิ์ วิบากพอสมควร ดังคำร่ำลือ ...
เราใช้เวลาน่าจะประมาณ สี่สิบนาทีสำหรับขาเข้า   ซึ่งสภาพเส้นทางไม่ได้ทำให้ต้องวิตกกังวลมากนัก  .... หากแต่ในขากลับนั้น.... เล่นเอาใจต่อมๆตุ๊มๆ เลยทีเดียว เนื่องจากว่า ขากลับนั้น เราเจอกับละอองฝนที่พร่างพรมลงมาประปราย   ทำให้เส้นทางดินนั้น เละและลื่นขึ้นอย่างมาก .... แต่ก็กลับออกมาได้โดยสวัสดิภาพ ทั้งคนและรถ











จากเหมืองสมศักดิ์เราก็ไปยังที่พัก ที่หมู่บ้านอีต่อง ....
หมู่บ้านนี้ เล็กกว่าที่ฉันจินตนาการไว้มากมายนัก ... รีสอร์ทและบ้านพัก กระจุกตัวรวมกันอยู่ ณ ฝั่งหนึ่งของแอ่งน้ำ ซึ่งจะว่าใหญ่ ก็ไม่เชิง แต่จะว่าเล็ก ก็ไม่ใช่ ...
และที่เกินความคาดเดาของฉันอีกประการก็คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ในวันกลางสัปดาห์เช่นนี้ กลับมีไม่น้อยเลย ...
อีกสิ่งที่น่าประหลาดใจ  สำหรับที่แห่งนี้ก็คือ.....แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนเกือบๆ กลางเดือนพค.เช่นนี้
แต่อากาศยามสิ้นแสงพระอาทิตย์ที่ปิล๊อกนั้น อุณหภูมิก็ยังสามารถต่ำลงไปได้ถึง 18-20 องศา !!!
ดีที่เราพกเอาเสื้อกันหนาวกันมาด้วย




เช้าวันต่อมา เราก็เดินทางไปเที่ยวชม จุดท่องเที่ยวใกล้ๆ หมู่บ้าน......
นั่นก็คือ ช่องมิตรภาพ ไทยพม่า ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องเขา ....ซึ่งมีพี่ทหารเฝ้าอยู่
แต่ก็ให้เราเดินผ่านไปชะโงกชมวิวฝั่งพม่าได้นิดหน่อย .....









อีกจุดหนึ่งก็คือ เนินเสาธง.... ซึ่งเป็นเนินสูง อันเป็นที่ตั้งของเสาธง ไทย และพม่า
มองไปอีกฝั่งก็จะเห็นวิวของทางฝั่งพม่าเช่นกัน   โดยที่จุดนี้จะมีพี่ทหารพม่า คอยดูแลอยู่ด้วย




จากนั้นก็ไปกินลมชมวิว..กันที่ฐานปฏิบัติการช้างศึก ..... ที่เขาว่า จะมองเห็นสันเขาช้างเผือกอยู่ไกลๆ






และเพื่อให้สมกับที่มาถึงเหมือง.... เราก็เลยขอแวะดูถ้ำเหมืองกันเสียหน่อย.....
แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหรอกนะ  แค่ชะโงกมองจะดีกว่า









และจุดแวะชมสุดท้ายในย่านปิล๊อกนี้ ที่เราจะไปก็คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
แม้อากาศจะค่อนข้างร้อน แต่น้ำตกแห่งนี้ กลับเย็นฉ่ำมากๆ และน้ำก็ใสมากเช่นกัน






เราอำลาปิล๊อกกันเพียงเท่านั้น
.... ระหว่างทางกลับก็แวะเข้าไปชม บ่อน้ำพุร้อนหินดาด กันนิดหน่อย









แต่แล้วก็มีการเปลี่ยนแผนแบบกระทันหัน จากที่จะมุ่งหน้าเดินทางกลับ
เราก็เปลี่ยนใจแล้วมุ่งหน้าสู่ สังขละ แทน !!!!!!! (ทั้งที่ขณะนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วก็ตาม)
ไม่น่าเชื่อว่าเราจะถึงสังขละกันก่อนพระอาทิตย์ตกดินไม่กี่อึดใจ....
ครั้งนี้เป็นการมาสังขละครั้งที่สามแล้วเช่นกัน แต่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนของสะพานไม้อันโด่งดัง  และเป็นครั้งแรกที่ได้พักค้างแรมที่สังขละ.....




เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็เที่ยวชมสะพานไม้ฯ + วัดวังฯ
และมุ่งหน้าไปยังด่านเจดีย์สามองค์ เป็นจุดสุดท้าย ....แต่แล้วก็ยังไม่ท้ายที่สุดอยู่ดี

















ระหว่างทางขากลับ.... ผ่านป้ายขนาดใหญ่ที่แสนสะดุดตา เขียนว่า จุดลงเล่นน้ำซองกาเรีย
เราจึงแวะเข้าไปดูว่า คืออะไร.....ยังไงกัน.....
แล้วก็ได้จอดพักยาววววว..... กว่าที่คิดไว้
จุดลงเล่นน้ำนี้  เป็นแอ่งลำธารน้ำใสไหลแรงกำลังพอเหมาะ และ(ณ ห้วงเวลานั้น) น้ำตื้น แลดูปลอดภัยสำหรับการลงเล่นน้ำ
แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจหรือเตรียมตัวที่จะเปียกปอนในวันเดินทางกลับเช่นนี้
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสกับลำธารแห่งนี้ .....







แล้วก็ได้เวลากลับบ้านกันจริงๆเสียที หลังจากสัญจรกันมาหลายวัน.....
และเชื่อแน่ว่า คงจะได้มีโอกาสมาพบกันอีก........ เมืองกาญจฯ