วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2564

อยุธยามรดกโลก 2564

งานอยุธยามรดกโลก 2564

ปีนี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวชมงานมรดกโลกอีกครั้ง 
หลังจากไม่ได้ไปนานหลายปีมากๆ  

รูปแบบงานยังคงคล้ายๆเดิม  มีการแสดง แสง สี เสียง
มีซุ้มร้านค้า ซึ่งจะซื้อด้วยเงินสด หรือจะไปแลก อัฐิ มาซื้อก็ได้เช่นกัน
มีซุ้มไฟ ไว้ให้ถ่ายรูป นิดหน่อย 

ครั้งนี้ ได้ดูการแสดง แสง สี เสียง ด้วย
ครั้งล่าสุดที่ได้ดู ก็นานโข น่าจะ +10 y แน่นอนเลย



รูปแบบ การแสดงปีนี้ แต่ต่างจากครั้งที่เคยดูมากพอสมควร .... แต่ก็ดูร่วมสมัยดีนะ
และก็ดูจะถูกใจรุ่นเยาว์ไม่น้อยทีเดียว  บางช่วงก็ผสมผสาน ละครเวที ทำให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น





และแม้จะยังไม่ผ่านพ้นช่วงโควิด
แต่คนก็มาเดินงานกันอย่างหนาแน่นกันเลยทีเดียว
(และจากงานนี้ ก็ไม่ปรากฏ การแพร่ระบาดแต่อย่างใด....
ก็ไม่รู้ว่า เพราะโควิดเริ่มอ่อนแรง หรือเพราะ เราเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิดได้มากขึ้น)

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2564

สะพานข้ามแม่น้ำแคว แลแสงสีเสียง

 ทริปเมืองกาญฯ บทที่ 10

สะพานข้ามแม่น้ำแคว แลแสงสีเสียง


หลังจากออกจากเขาช่องขาดแล้ว ...ตามโปรแกรมเดิม ก็คือ เดินทางกลับบ้าน

แต่เนื่องจากบังเอิญ เป็นช่วงที่มีงานประจำปี งานใหญ่ของเมืองกาญฯพอดี

ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะขอแวะชมสักหน่อย ซึ่งทำให้เราจะต้องเดินทางกลับค่ำลงหน่อย


เราไปถึงงานตั้งแต่ช่วงเย็น ซึ่งรถรายังไม่ติดขัด และยังพอจะหาที่จอดรถใกล้ๆงานได้อย่างไม่ยากนัก




หลังจากได้ที่จอดเสร็จสรรพ และงีบพักเอาแรงเล็กน้อย เพราะราตรีนี้ยังอีกยาวไกล...
เราก็เดินเล่นชมบรรยากาศ ทางรถไฟสะพานข้ามแม่น้ำแคว ยามเย็น




มีรถไฟเที่ยวสุดท้ายของวัน ผ่านมาให้ได้เก็บภาพพอดี



บนสะพานมีการติดตั้งดอกไม้ไฟ พลุสี ควันสี เตรียมการสำหรับการแสดง 
แสง สี เสียง สำหรับค่ำคืนนี้ไว้ด้วย









และระหว่างเดินสำรวจ เราก็เห็นร้านอาหารริมแม่น้ำ 
มีประกาศเชิญชวนให้ซื้อบัตรทานอาหารพร้อมชมการแสดง แสงสีเสียง ได้ด้วย
เราก็เลยลองดู เพราะถึงยังไงเราก็คงต้องหามื้อเย็นกินกันอยู่แล้ว 


ตอนที่ซื้อบัตรของร้านอาหารนั้น เราก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่
ว่าจะเห็นการแสดง ได้มากน้อยแค่ไหน 
แต่ด้วยความที่เป็นร้านเดียวที่เราเห็นว่ามีที่ว่างเหลือให้เข้าชม
ก็เลยลองซื้อดู 




เมื่อการแสดงเริ่มจึงได้เห็นว่า จุดที่เราชมนั้น  แม้จะไม่ได้ใกล้เวทีการแสดง 
แต่ก็ยังพอให้ได้ยินเสียง ของเอฟเฟก รวมถึง แสงสีได้พอสมควร








หลังจากจบการแสดง เราก็เดินผ่านทางรถไฟ เพื่อจะกลับไปยังลานจอดรถ
และก็ได้ผ่านรถไฟที่ใช้ในการแสดงด้วย 
ก็เลยได้เก็บภาพมาเป็นที่ระลึก



แต่แสงสีเสียงก็ยังไม่หมดแค่นั้น...
เพราะเมื่อเรากำลังจะออกจากงาน ก็ผ่านไปเห็นโซนรถเครื่องเสียง
ที่น่าจะเป็นการรวมตัวของรถเครื่องเสียงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย
ก็เลยอดไม่ได้ที่จะแวะชมอีกสักนิด
ก่อนจะเดินทางกลับ   เป็นอันจบการเดินทางในทริปนี้อย่างครื้นเครงด้วยเสียงเพลงดังสนั่น



















ช่องเขาขาด กาญจนบุรี

 ทริปเมืองกาญฯ บทที่ 9

ช่องเขาขาด.... ประวัติศาสตร์จารึก


หลังจากเช็คเอ๊าท์ออกจาก หินตกริเวอร์แค้มป์แล้ว 

จุดหมายต่อไปของเราก็คือ Hell Fire Pass ...ชื่อน่ากลัวเนอะ

เป็นอีกสถานที่นึงในกาญฯที่เรายังไม่เคยได้ไปเที่ยวชมมาก่อน


ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2

มีเส้นทางธรรมชาติให้ได้เดินไปยังช่องเขาขาด  หรืออีกชื่อก็คือ hell fire pass ช่องไฟนรก

โดยจุดเริ่มต้น จะอยู่ที่ศูนย์ประวัติศาสตร์ ช่องเขาขาด

ซึ่งจะประกอบด้วยตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า 

และเส้นทางธรรมชาติ ที่ตั้งอยู่ด้านหลังตัวอาคาร




ด้านหน้าอาคารศูนย์ประวัติศาสตร์



เมื่อเดินเข้าไปภายในอาคาร จะมีเจ้าหน้าที่คอยชี้แจง กฏ กติกา มารยาท ในการเข้าชม

จุดชมวิว พร้อมแผนที่บอกเส้นทางที่จะไปยังช่องเขาขาด



ภายในอาคารศูนย์ประวัติศาสตร์ 



โซนขายของที่ระลึก




หลังจากเราชมภาพ และวีดีทัศน์  ถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้เรียบร้อยแล้ว
ก็เริ่มเดินทางไปตามเส้นทางธรรมชาติเพื่อชมพื้นที่จริงกันเลย



ทางเดินช่วงแรก เป็นขั้นบันได สลับทางราบๆ 





ต่อจากนั้นก็จะเป็นทางดิน ทางกรวด เดินตามไหล่เขา ทะลุป่าไปเรื่อยๆ.....
เส้นทางไม่กว้าง แต่ก็ไม่แคบจนเกินไปนัก

แล้วเราก็จะได้พบ ร่องรอย ของทางรถไฟ ตามเรื่องราวที่ได้รับชมมา



เส้นทางตัดผ่าภูเขา จนทำให้เกิด  ช่องทางเดินรถไฟ .... จึงเป็นที่มาของชื่อ ช่องเขาขาด
















เส้นทางช่องเขาขาดนั้น .... เนื่องจากเวลา และอากาศไม่เอื้ออำนวย 
เราจึงไม่ได้เดินสำรวจจนสุดเส้นทาง
เราเดินเพียงแค่ระยะแรกที่เป็นเส้นทางค่อนข้างโปร่ง และราบเรียบ
ส่วนระยะที่เหลือ ซึ่งเป็นเส้นทางในป่า ที่จะวิบากกว่า และ ป่ารกกว่า(ตามคำบอกของเจ้าหน้าที่)
คงจะต้องเอาไว้โอกาสต่อๆไป อาจจะได้มาเยี่ยมเยือนและผจญภัยอีกครั้ง