วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อาหารการกินในมิลาน

เรื่องกินเรื่องเล็ก.......แต่ถ้าอดกินคงจะเรื่องใหญ่
ไปมิลานคราวนี้ ตั้งใจ(+ทำใจ)แล้วว่า จะไปลองอาหาร(อิตา)เลี่ยน แบบท้องถิ่นสักตั้ง
ไหนๆ ก็มีคนไปปูทางแล้ว....555
เมนูแรกก่อนเลย ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง แม้จะเป็นแค่ของหวาน
นั่นคือ ไอติม ...... เรียกว่า Gelato (ภาษาอิตาเลี่ยน)....กินทุกวัน ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร
ร้อนก็กิน หนาวก็กิน ....เพราะอร่อยมากๆ
อันต่อมา เมนูใหม่ โดยคุณแม่บ้านเอเชีย...เปาะเปี๊ยะทอด !!!! ไส้วุ้นเส้นผัดกะถั่วงอกเหมือนที่บ้านเรามีขายกันนี่แหละ
ในมิลานก็มีวัตถุดิบให้ซื้อมาทำนะ...และทรายก็เลยลองทำ หลังจากได้สูตรและแหล่งวัตถุดิบจากเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่น

อย่างต่อมาคือ ซอสเนื้อ สำหรับราดพาสต้า สูตรคุณ แพทริเซีย (แม่ของจิอันน่ะ)
เมนูนี้ รีเควสพี่สาวไว้ตั้งแต่ก่อนบินไป ให้เก็บไว้ให้ด้วย เพราะปกติ แม่ของจิอันจะทำแล้วแบ่งใส่กระปุกไว้ให้ทรายคราวละหลายกระปุกสามารถแช่ฟรีซไว้กินได้นาน
มื้อเด็ดนี้ ทรายต้มพาสต้า และนำมาคลุกกะซอสฯ ให้ หน้าตาก็อย่างที่เห็นนี่หล่ะ(ภาพมืดไปหน่อย เพราะเป็นดินเนอร์อ่ะ แล้วที่บ้านจิอันมีแต่ไฟเหลืองๆ คลาสสิกน่ะ)
ก็อร่อยดีนะ แต่.....จืดไปหน่อยสำหรับคนกินจืดอย่างฉัน.........555
ต่อมาก็ ขนมขบเคี้ยว .... ที่ลองคือ cheese ring ก็กลิ่นดี แต่รสเค็มไปหน่อยอ่ะ สงสัยจะไม่คุ้นลิ้น
(ซื้อมากินในรถ ตอนไปทะเลสาบน่ะ)

อันนี้ ชอคโกแลต เฟอเรโร่ เมืองไทยมีแต่สีน้ำตาล อันนี้สีชมพู สอดไส้น้ำเชื่อมเชอรี่ เลยลองซะหน่อย

ต่อมา......พลาดไม่ได้ .....ต้องลอง (คราวที่แล้วลองไปที ไม่เข็ด) มาถึงแดนพิซซ่า ก็ต้องกินพิซซ่าดิ่
ร้านนี้แหละ ใช่เลย ....มีหลากหลายหน้าให้เลือก...ร้านนี้ที่ทะเลสาบนะ คนแน่นร้านเลย ....
เราก็เลยซื้อกินคนละชิ้น.... ชิ้นใหญ่นะนั่น---ขนาดประมาณ 8x6 นิ้ว--- ...แล้วฉันก็กินไม่หมดอีกจนได้
(ทรายเลือกหน้าผักดอง -ถาดที่เห็นใกล้สุดน่ะ, จิอันเลือกอันถัดไป หน้าซอสมะเขือเทศกะชีส มีแค่ซอสกะชีสจริงๆนะ,
ฉันเลือกหน้าหมูสับ - ถาดที่ถัดจากหน้าชีสแต่เป็นถาดบนนะ , ถาดล่างมันจะเป็นหน้าซาลามี่)
แล้วก็มาตายรังที่.......คนอร์ คัพโจ๊ก .....555
อันนี้ทำกินเองตอนเช้า หลังจากผ่านไปสามวัน ...เริ่มต้องการ กลิ่นรสอันคุ้นเคย แล้ว
(ใส่ไข่ แล้วก็เอาไส้กรอกที่ซือ้จากซุปเปอร์มาเกตมาใส่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ....ให้อิ่มน่ะ)

อันนี้ ของกินในตู้ และตู้แช่ช่องฟรีซน่ะ
ปกติ เช้าๆ จิอันกะทรายจะกิน กาแฟ กะครัวซอง (กล่องเขียวๆน่ะ) บางทีก็แบบมีไส้(ชอคโกแลต)
บางทีก็แบบไม่มีไส้ เป็นครัวซองเปล่าๆ
ในช่องฟรีซ มีแป้งพิซซ่าสำเร็จรูป แล้วก็ แฮมเบอเกอร์ไว้ทอด ทำแฮมเบอเกอกินเองน่ะ
ส่วนอันนี้ หน้าตาดูดี และรสอร่อย แต่ที่สำคัญคือ ทำง่ายมั่กๆๆๆๆๆ
เพราะมันเป็นเค้กกึ่งสำเร็จรูป เป็นแป้งผสมสำเร็จรูป ซื้อมาจากซุปเปอร์ฯ
เพียงแค่มีอุปกรณ์ คือ ถาดแบบนี้ และเตาอบ (อบย่างนะ ไม่ใช่ไมโครเวฟ)
ก็สามารถทำเค้กได้ ภายในไม่กี่นาที
เอาเนยทาถาด ..เอาแป้งเทใส่...เอาเข้าเตาอบ ....หาชอคโกแลตมาหักเป็นชิ้นๆ แปะหน้า
เพียงเท่านี้ ...คุณก็จะมีกำลังใจในการหัดทำอาหารขึ้นมาอีกเพียบ.......555
แล้วก็หั่นกินได้เลย ......... ฉันหอบหิ้วกลับมาให้แม่กะเลียงกินด้วยนะ เอากลับมาครึ่งถาดเลย
.....อ่อ ...ลืมบอกว่า ที่ทำนี่ เค้กรสมะพร้าวนะ ....หอมอร่อย และสะดวกดี
เสียดาย ....ลืมถ่ายรูป พาสต้าผัดเห็ด ฝีมือจิอัน , อร่อยใช้ได้เลย แต่มีแค่พาสต้ากะเห็ดจริงๆนะ ฉันเลยต้องเอาไก่ย่างมากินด้วย....555
แล้วก็ ฮอทดอกข้างสนามฟุตบอลที่กินไป ก็ลืมถ่ายรูปมา มัวแต่ลุ้นว่าจะได้เข้าสนามมั้ยน่ะ
แล้วอีกอย่างนึงที่ไปกินแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะไปกินที่ร้าน เป็นกินแบบบุฟเฟ่ต์
หัวละ 8 ยูโร มีเครื่องดื่มให้ 1 แก้ว แล้วแต่จะเลือก-- น้ำผลไม้, เบียร์ , น้ำอัดลม, พันช์, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์.
ส่วนอาหาร ตักได้เองตามชอบ มีจานเล็กๆไว้ให้ แล้วก็ลุกไปเลือกตักได้เองเหมือนบุฟเฟ่ต์ทั่วไป
อาหารก็มี พาสต้านานาชนิด , พิซซ่าหลากหลายหน้า , ขนมปัง , สลัด , ผัดผัก ,
แฮม , ซาลามี่, ไส้กรอก ประมาณนั้น .

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ลองทำดูน่ะ

เพิ่งเจอโปรแกรมน่ะ เลยลองทำดู.....อิอิ

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันสุดท้ายแล้ววว 12 พ.ค.52

วันนี้วันสุดท้ายแล้ว มีสองโปรแกรมที่คิดว่าจะทำ คือ ปีนหลังคาดูโอโม่ กะ ไปทัวร์สนามซานซิโร่
เมื่อคำนวณเวลาแล้ว คงจะทำได้รายการเดียว ก็เลยเลือก.............ทัวร์สนามซาน ซิโร่ละกัน
ว่าแล้ว ก็ออกจากบ้าน นั่งรถใต้ดิน เพื่อไปสนามซาน ซิโร่
แล้วก็ได้เจอตู้ขายหนังสือ อยู่ที่สถานทีรถไฟใต้ดิน ชอบจัง ยืนรอรถไฟก็เลยมาถ่ายรูปตู้ขายหนังสือ
เคยเห็นแต่ตู้ขายน้ำ ขายขนม ขายบุหรี่ แต่เพิ่งเคยเห็นตู้ขายหนังสือ พอกเกตบุ๊คแบบนี้
แล้วก็มาถึง สนาม ซาน ซิโร่ ที่มาดูบอลเมื่อวันอาทิตย์ แต่วันนั้นไม่มีโอกาสถ่ายนอกสนามน่ะ


ประตูทางเข้าสนาม มีเพียงประตูเดียวที่เปิดสำหรับการมาชมทัวร์สนามในวันไม่มีแข่งแบบนี้
ส่วนประตูอื่นๆ ปิดหมด จะเปิดก็แต่วันที่มีการแข่งขัน ซึ่งหน้าตาทางเข้าสนามในวันแข่ง
ก็ เป็นอย่างที่เห็น ต้องเดินเรียงหนึ่งเข้าไปเท่านั้น เปลี่ยนไปจากเมื่อ 6 ปีที่แล้วเยอะเลย
แต่วันนี้ไม่มีแข่ง ก็เลยไม่มีเจ้าหน้าที่มายืนรอตรวจบัตร และไม่มีแฟนบอล
ในวันแข่ง นั้น เมื่อผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่ ที่ปากทางเข้าแล้ว พอเข้าไป ก็จะเจอเครื่องกั้นหน้าตาแบบที่เห็นนี่
คือ จะปีนข้าม หรือกระโดดข้าม หรือจะแอบเข้าไม่ได้เลย เพราะที่กั้น แน่นหนาเหลือเกิน


และจะดันเจ้าที่กั้นนี่ได้ก็ต่อเมื่อ ได้เสียบตั๋วบอล ผ่านเจ้าช่องส้มๆ เพื่อเป็นการตรวจตั๋ว (ว่าไม่ปลอม) แล้วเท่านั้น
ไม่งั้น ก็ดันที่กั้นนี่ไม่ได้

แต่วันนี้ไม่ใช่วันแข่ง ก็เดินเข้าอีกประตู ซึ่งเปิดไว้ให้เดินเข้าได้โดยสะดวกนะ
พอเข้าไป ก็จะเจอกับ ประตูของส่วนที่เป็นออฟฟิศ เปิดทำการ สำหรับทัวร์สนาม
ซึ่งสนามก็ใช้ร่วมกัน ทั้งมิลาน และอินเตอร์ ก็เลยต้องมีสองสีอย่างนี้


ราคาสำหรับการทัวร์สนาม มีสองแบบ
1. ทัวร์เฉพาะ พิพิธภัณฑ์ ราคา 7 ยูโร
2. ทัวร์ทั้งพิพิธภัณฑ์ และ ข้างในสนามราคา 12.50 ยูโร
ฉันก็เลือกแบบที่สองแหงๆ อยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้แล้วนี่
ในส่วนพิพิธภัณฑ์ เค้าไม่ให้ถ่ายรูป มันก็จะมีพวกถ้วยรางวัลเก่า ๆ เสื้อสโมสรปีเก่าๆ
รูปภาพนักเตะรุ่นต่างๆ ส่วนมากก็ยุคโบราณ มาให้ดู
สำหรับในสนาม เค้าให้ถ่ายรูปได้ ก็เลยได้รูปมาให้ดูกัน
เริ่มจาก ไกด์คนสวย พาเข้าสนาม และก็บอกข้อมูลเล็กๆน้อยๆ

และก็อนุญาตให้ขึ้นไปเดินเล่น นั่งเล่นที่เก้าอี้ วีไอพี ได้ ซึ่งจะเป็นเบาะผ้านุ่มๆ
ส่วนที่นั่งปกติ จะเป็นเก้าอี้พลาสติกแข็งๆ
เก้าอี้สีแดงนี้เป็นแสตนด์ 1st ring ซึ่งจะราคาแพงรองลงมาจาก ชั้นวีไอพี

จากนั้น คุณไกด์ ก็พาเราไปดูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักเตะ
ซึ่งเริ่มด้วย การดูห้องของทีมอินเตอร์ ขาวซีดเชียว.........

ในห้องก็ขาวๆ ซีดๆ เชียว...... ในห้องก็มีที่นั่ง ให้นั่งล้อมวงกัน อย่างที่เห็น

มีจอแบนอยู่หนึ่งจอ

แล้วก็ประตูห้องน้ำเป็นกระจกใส ก็เลยได้เห็นห้องน้ำรวมของนักเตะ .....เป็นอย่างนี้เหรอเนี่ย



ต่อมาก็ถึงฝั่งของทีมเรา....แค่ทางเข้าก็สีแจ่มแล้วววว......

ภายในก็หะรูหะรา.....มากฝ่า...อิอิ......จอแบนก็มีกันคนละจอเลย....มีรอบห้องเลย

เก้าอี้ก็ของใครของมัน เบาะหนังหนานุ่ม

ห้องก็เป็นวงกลมเหมือนกัน ให้นั่งล้อมวง มีไม้แขวนเสื้อสำหรับแต่ละคนด้วย

กลางห้องก็มีโต๊ะกลม....เอ้ย....โต๊ะรี โลโก้สโมสร ใหญ่เบ่ง พร้อมโลโก้มีไฟ ด้านบน
พอดูห้องนักเตะแล้วเค้าก็พาเดินอีกนิดหนอ่ย แล้วก็เป็นอันจบทัวร์สนาม แล้วก็ชี้ทางไปร้านค้าของสนาม
(แต่ไม่ได้พาไปนะ ใครอยากไปก็เดินไปเอง เค้าคงไม่เน้นขายของน่ะ ไม่เหมือนทัวร์จีนที่บังคับเข้าร้านค้า)
ป้ายบอกทางไปร้านค้าของสนาม San Siro Store , ว่าจะถ่ายป้ายหน้าร้านนะ แต่บังเอิ๊ญ มีคนเค้ามาจู๋จี๋กันเลยไม่ได้ถ่ายมา
ก็ถ่ายมาแต่ด้านในของร้าน ซึ่งก็ไม่กว้างมากนัก

ในร้านก็จะแบ่งสองฝั่ง มุมแดง(ดำ) ของมิลาน กะมุมน้ำเงิน (ดำ) ของอินเตอร์
สินค้าในนี้จะเป็นสินค้า official product ซึ่งก็จะราคาค่อนข้างสูง(มาก)เป็นปกติ
เข้าไปถ่ายรูปแล้วก็กลับ.....
ช่วงบ่ายก็เตรียมตัวไปสนามบิน แม้เที่ยวบินจะดึก แต่ไม่อยากเจอความคับคั่งของผู้คนตอนเลิกงาน
ก็เลยต้องเตรียมตัวออกจากบ้านเร็วหน่อย ไปสนามบินเร็วหน่อย...ไปเดินเล่นต่อที่สนามบินแทน
เป็นอันว่า จบการเดินทางไปมิลาน (ครั้งที่ 3) เมืองแห่งแฟชั่น และฟุตบอล แล้วจ้า

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 11พ.ค.52

วันนี้ ครึ่งวันเช้า ได้เที่ยวแบบฉายเดี่ยว เพราะทรายไปเรียนตอนเช้า ออกจากบ้านพร้อมกัน ทรายก็เดินไปส่งที่ป้ายรถเมล์แล้วฉันก็นั่งรถรางเข้าเมืองคนเดียว เจ้ารถรางก็หน้าตาอย่างที่เห็นนี่แหละนะ

แล้วก็ไปลงที่ดูโอโม่ จุดหลักกลางเมืองก่อนเลย เพราะเวลา 9 โมงเช้าวันจันทร์แบบนี้ร้านรวงไม่ค่อยจะยอมเปิดกันเท่าไหร่บางร้านก็ปิดทั้งวัน ร้านที่เปิดก็จะเปิดกันตอนบ่ายสามโมงโน่นเลยจะมีก็แต่บูธขายของที่ระลึก ให้ได้เดินดู เลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึกกันไปดังนั้น ก็เลยไปลงแหล่งท่องเที่ยวอย่างดูโอโม่ ก็การันตีได้ว่า มีร้านให้ดูบ้างแหละ

พอเดินจนไม่มีร้านจะให้ดูแล้ว (เพราะร้านเปิดกันน้อยมากจริงๆ) ก็เลยมานั่งพักหน้าโบถส์ อยากนั่งนานแล้วตรงบันไดหน้าโบถส์เนี่ย ก็เลยมานั่งดูผู้คน และก็ดูแผนที่ว่าจะไปเดินเล่นไหนต่อดี




ว่าแล้วก็ไปดูร้านขายของที่ คาสเตลโล่ (ที่ไปเมื่อวันแรกน่ะ) ดีกว่าเพราะจะได้เดินดูระหว่างทางด้วย คาสเตลโล่ก็อยู่ไม่ไกลจนเกินไปด้วย
แล้ววันนี้ไป ก็เลยเจอ ตำรวจม้า (ไม่ใช่ทหารม้า) ที่เดินตรวจการในคาสเตลโล่ นักท่องเที่ยวบางคนก็ขอเข้าไปถ่ายรูปด้วยหล่ะ

ระหว่างเดินเล่น ดูร้านรวง และซื้อของที่ระลึก ก็เห็นวัยรุ่นอิตาเลี่ยน 3-4 คน ยืนมุงเจ้าเจ้า ตู้นี้ และคุยกันเสียงตื่นเต้น เลยแหงะไปดูซะหน่อยว่าเค้าทำไรกันแล้วก็เลยเพิ่งเห็นว่า เจ้าตู้นี้ไม่ใช่ตู้รับบริจาคนะ มันคือตู้หยอดเหรียญถ้าอยากได้เหรียญที่ระลึกน่ะก็เลยยืนดูหน้าตาเหรียญที่ระลึก ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในกล่องใส

วิธีการ ก็คือ ขั้นที่ 1 ให้หมุนวงล้อ จน เหรียญที่เราต้องการ ตรงกะช่องวงแดงๆ ขั้นที่ 2 เอาตังค์ 1 ยูโร กะอีก 2 เซ็นต์ วางลงในรางด้านบน แล้วดันรางเข้าไปในตู้ขั้นที่ 3 ทำการหมุนวงล้อไปเรื่อยๆๆ แล้วเหรียญลายที่เราต้องการก็จะตกลงมาในช่องรับเหรียญ


เหรียญมี 4 ลาย เป็นโลหะสีทองแดง ลายแรก อันซ้ายสุดนั่นลาย คาสเตลโล่ สฟอร์เซสโก้ (ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งเจ้าตู้นี้ที่ไปเจอ)อันต่อมา ลายโบถส์ดูโอโม่ ต่อมาก็ ลาย สนามฟุตบอล ซาน ซิโร่ฉันก็หมุนมา 3 ลายนี้เลยส่วนอันสุดท้ายที่เป็นลายหัวใจ มีคำว่า Love และก็คำว่า Milano อันนี้ไม่ได้หมุนมา

หลังจากนั้น ก็ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย (นัดเจอทรายเที่ยงครึ่งที่ดูโอโม่น่ะ) ก็เลย...........
ตัดสินใจไปเยี่ยมเยือน มิลาน พ้อยท์ ร้านขายของที่ระลึกของสโมสรเสียหน่อย ไหนๆ ก็มาถึงมิลานแล้ว

หน้าประตูร้านก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ ข้างในก็มีแต่ของสีแดงดำ ล้วนๆ.....
(ชล ...ฉันไม่เจอ โมเดล กาก้าเลยอ่ะ เลยไม่ได้เอาน้องกาก้ากลับมาฝากนะ
ที่นี่สงสัยเค้าไม่ฮิตโมเดลกัน ไม่เห็นมีโมเดลนักเตะวางขายเลย ...แถวบ้านเรามีนักเตะแมนยูฯ ลิพูฯ ขายเต็มไปหมด)

ข้าวของที่ขายในร้านก็มีของใช้ทุกอย่าง กระเป๋าหนังสือ สมุด อัลบั้มรูป เสื้อผ้าลำลอง ชุดนอน ชุดเด็ก
สเกตบอร์ด เวฟบอร์ด ก็ยังมี เครื่องประดับ ไวน์ ...ไม้จิ้มฟัน.... ไปจนถึง ตาชั่งน้ำหนักก็มี แต่ไม่ถึงกับมีเรือรบนะ





นอกจากนั้น ในร้านก็ตกแต่งด้วย ภาพนักเตะ หลายเจนเนอเรชั่นของมิลาน
และก็มัวแต่ดูข้าวของต่างๆ ในร้านนี้ ก็เลยไปถึงช้ากว่าเวลานัดกะทราย ครึ่งชม.เลยหล่ะ......555 (แต่ sms ไปบอกล่วงหน้านะ)

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ค. 52

วันที่สามของการมามิลาน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เรามีนัด ถึงสองนัด
นัดแรก ช่วงก่อนเที่ยง จิอันได้นัดกะน้องชายและน้องสะใภ้ไว้ที่สวนสาธารณะ
เพราะวันนี้จะพาฉันไปเจอ ฟิลิปโป้ตัวน้อย
สวนสาธารณะ ชื่อ Idroscalo กว้างใหญ่มากๆ สระน้ำที่เห็นในรูป
เขาบอกว่า ความยาวรอบสระคือ 6 กิโลเมตร เลยหล่ะ
ผู้คนก็มาออกกำลังกันเพียบ บ้างก็พาลูกจูงหลานมาเดินเล่น ตากอากาศ




แล้วก็ได้เจอเจ้าโป้น้อย อายุ 6 เดือน ตอนเจอ เจ้าโป้ กำลังหลับอยู่ในรถเข็น
พอเดินเล่นไปสักพัก เจ้าโป้ก็ตื่นขึ้นมา ไม่ตกใจกลัวแต่อย่างใด
แต่คงงงๆ ว่ากะเหรี่ยงที่ไหนโผล่มาอีกหนึ่งคน....555


อันนี้ซูมให้เห็น แก้ม.... น่ารักจ้ำม่ำมากๆ ...


จากนั้นตอนเย็น ก็ไปดูบอลที่สนามซาน ซิโร่ มิลาน รับการมาเยือนของยูเว่
ถึงแล้ว สนาม San Siro อันยิ่งใหญ่ ...555

เรานั่ง บนสแตนด์ชั้นสอง ก็เลยไกลพอสมควร
ตอนไปถึงแฟนบอลยังมากันน้อยนิดอยู่


ป้าย จอยักษ์ในสนาม (เข้าสนามตั้งแต่ 18.35 กว่าบอลจะเตะก็ 20.35......อิอิ)

แต่พวกแฟนพันธุ์แท้ เค้าก็มาตั้งธง กันนานแล้วนะ
เอาไว้โบกต้อนรับนักเตะ


สแตนด์ Curva Sud คือ ฝั่งแฟนฮาร์ดคอ ของมิลาน
ขนาดก่อนแข่ง 2 ชม. ยังมากันเต็มโซนพร้อมอุปกรณ์ครบครัน
แฟนบอลโซนอื่นๆ ยังโหรงเหรง
มาสคอตทีมเราเอง

ภาพนี้อภินันทนาการจากคุณพี่สาว
วิ่งไปซูมถ่ายมาให้จากอีกฝั่งของสนาม
ตอนที่นักเตะมิลานลงมาวอร์ม .....
คงมีแต่แฟนมิลานที่ดูออกว่าใครเป็นใคร...555

อันนี้เป็นนักเตะยูเว่ลงมาวอร์ม ....ไม่รู้ไผเป็นไผ

พอใกล้เริ่มเตะ แฟนฝั่งฮาร์ดคอร์ก็เริ่มโชว์สีสัน




แล้วก็ถึงเวลาการแข่งขัน นั่งเตะเดินลงสู่สนาม


ตอนมิลานยิงได้
ฝั่งแฟนยูเว่เริ่มจุดไฟสีๆ อย่างกะจะเผาแสตนด์

แฟนมิลานยอมไม่ได้ ก็เลยจุดมั่ง แบบว่า ข้าก็มีเหมือนกัน
จบเกมกันไป 1-1 ประตู แบ่งไปคนละแต้ม
มิลานได้รองแชมป์ปีนี้ไปครอง