วันแรกที่ไปถึง ก็นั่งรถไฟจากสนามบิน เข้าสู่ตัวเมือง แล้วก็ต่อรถไฟฟ้าใต้ดินอีกที
ช่วงที่ไปถึง เป็นช่วงเช้า เลยเป็นเวลาเร่งด่วนสำหรับที่นั่นเช่นกัน ก็เลยต้องเบียดเสียดกะผู้คนในรถใต้ดิน
พอเก็บกระเป๋าที่บ้านจิอันแล้ว ก็ไปไชน่าทาวน์กันก่อนเลย เพราะฉันอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเป็นไง
และก็หวังว่าจะมีอะไรเอเชียๆ ให้ได้ลองกินมั่ง แต่ปรากฏว่า เป็นย่านค้าขายของคนเอเชียก็จริง แต่เงียบๆ หงอยๆ ยังไงชอบกลแล้วก็เห็นแต่ร้านเสื้อผ้า ซึ่งเป็นเสื้อผ้าโหลๆ จะมีร้านของชำไม่กี่ร้านเท่านั้น ที่ขายพวกวัตถุดิบจากเอเชีย
เช่น มาม่า คนอร์ กะทิสำเร็จรูป ชาจีน เครื่องปรุงไทย ๆ น้ำปลา ซีอิ๊ว เครื่องปรุงญี่ปุ่น ซีอิ๊ว โชหยุ วาซาบิ
อุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่นบางอย่าง ฯลฯ แต่มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นก็เดินไปยังปราสาทเก่า Castello Sforzesco คาสเตลโล่ สฟอร์เซสโก้
แล้วก็เดินไปยัง โบถส์ประจำเมือง แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนี้ Duomo di milano หรือที่เรียกกันว่า ดูโอโม่
เพราะเป็นกองหลังทีมชาติอิตาลี เปาโล คันนาวาโร่ นั่นเอง
ตอนขึ้นก็คนโล่งๆ พอไปได้สักสองสามสถานีก็คนแน่นเลย เพราะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ( 8.30 น.)
บรรยากาศถนนย่านไชน่าทาวน์ ช่างเงียบเชียบเรียบร้อยไม่เหมือนไชน่าทาวน์บ้านเราเลย
ไม่มีชายสี่หมี่เกี๊ยว หรือ ติ่มซำให้ได้เห็นเลยอ่ะ
ไม่มีชายสี่หมี่เกี๊ยว หรือ ติ่มซำให้ได้เห็นเลยอ่ะ
อร่อยเหมือนกันทุกร้าน ราคาก็ประมาณเดียวกัน แต่ร้านไหนตักให้มาก ให้น้อยเท่านั้นเอง ....555
แผงขายของที่ระลึกแบบนี้ก็มีให้เห็นได้ทั่วไปในแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว
ขายทั้งของที่ระลึกและหนังสือพิมพ์นิตยสารต่างๆ
อันนี้ที่ไหนไม่รู้ เดินผ่าน เลยถ่ายมา

แผงขายดอกไม้ ก็มีให้เห็นประปราย อยู่เมืองหนาว ดอกไม้ก็สวยสดงดงามได้นาน แม้จะมีแดดแบบนี้ก็ตาม

ขายทั้งของที่ระลึกและหนังสือพิมพ์นิตยสารต่างๆ
แผงขายดอกไม้ ก็มีให้เห็นประปราย อยู่เมืองหนาว ดอกไม้ก็สวยสดงดงามได้นาน แม้จะมีแดดแบบนี้ก็ตาม
เพราะมากันเป็นฝูงเลยน่ะ
แต่ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นกันมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น